อาหารต่อต้านความชรา

ตามหลักทฤษฎี Anti-aging นอกจากการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ และมลภาวะต่าง ๆ ที่มีผลต่อความแก่และความเสื่อมของร่างกายแล้ว การรับประทานอาหารไม่เหมาะสมโดยหมู่ใดหมู่หนึ่งในปริมาณที่มากเกินไปก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ

การรับประทานอาหารให้ได้สัดส่วน จะทำให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และปราศจากโรคซึ่งอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตนั้นควรรับประทานประมาณ 40-60 % แต่ต้องเป็นประเภทที่มีใยอาหาร เช่น ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช และอาหารจำพวกผักผลไม้ ควรลดอาหารจำพวกข้าวหรือแป้งที่ขัดขาวและอาหารที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากเมื่อรับประทานอาหารร่างกายสามารถย่อยอาหารเหล่านั้นเป็นน้ำตาล และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด หลังจากนั้นร่างกายจะผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อนเพื่อเก็บน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์ (cell) ภายหลังจากรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ร่างกายจำต้องผลิตอินซูลินปริมาณสูงเพื่อรีบเก็บน้ำตาลเข้าเลือด เมื่อเกิดภาวะนี้บ่อยๆเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลิน เสี่ยงต่อภาวะเบาหวานในวัยผู้ใหญ่ได้ สำหรับอาหารประเภทโปรตีนควรเลือกรับประทานอาหารประเภทโปรตีนคุณภาพดี สัดส่วนประมาณ 30% เช่น โปรตีนในเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์และไขมันต่ำ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน หรือโปรตีนจากธัญพืช เช่น ถั่วเป็นต้น และสัดส่วนที่เหลือคืออาหารประเภทไขมันอาหาร ควรลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่นไขมันจากสัตว์ เนย น้ำมันปาล์ม กะทิ แต่ควรเลือกบริโภคไขมันชนิดดีได้แก่ไขมันไม่อิ่มตัวจากไขมันหรือน้ำมันปลา น้ำมันพืชหรือ น้ำมันมะกอกซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายแทนช่วยลดอัตราเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคของหลอดเลือดและหัวใจ แต่ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานอาหารจำพวกไขมันไม่อิ่มตัวที่ผ่านความร้อนสูง เพราะจะทำให้ไขมันที่ดีเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพไปเป็นไขมันจำพวกทรานส์(trans fat) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดเช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัว

นอกจากสารอาหารหลักแล้วที่สำคัญร่างกายต้องการวิตามินและแร่ธาตุจากอาหารประเภทผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆเพื่อช่วยในการทำงานระดับเซลล์ แต่การได้รับจากการรับประทานจากอาหารอย่างเดียวอาจไม่เพียงพบที่จะป้องกันร่างกายจากความเสื่อม เพียงแค่อาจจะป้องกันจากภาวะขาดวิตามินหรือแร่ธาตุเท่นั้น อาหารเสริมจึงอาจจะมีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน ทางที่ดีที่สุดที่จะทราบได้ว่าควรจะรับประทานเท่าใดนั้นควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อวัดระดับในเลือด และพิจารณาการรับประทานวิตามิน และแร่ธาตุเฉพาะในแต่ละบุคคล เพื่อผลสูงสุดในการป้องกันความเสื่อมของร่างกายในอนาคตต่อไป